การศัลยกรรมตัดกรามเป็นการแก้ปัญหาโครงสร้างใบหน้าที่ตรงจุด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มี มุมกรามชัดเจน ที่ทำให้ใบหน้าดูแข็งและดุดัน

การผ่าตัดกรามเป็นการปรับรูปหน้าแบบถาวรที่ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กและอ่อนเยาว์ลง หลังจากการผ่าตัดกระดูกกราม กล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆ จะค่อยๆ หดตัวลงตามธรรมชาติ ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเล็กลงและมีความละมุนมากขึ้น

การผ่าตัดนี้จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้ดูอ่อนหวานและสดใสอย่างถาวรครับ

การศัลยกรรมตัดกรามที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์

ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ เรามีเทคนิคพิเศษสำหรับการศัลยกรรมตัดกรามที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและแตกต่างจากการผ่าตัดแบบทั่วไป

การตัดกรามของเราเป็นการตัดกระดูกออกทั้งชิ้นใหญ่ หนา และยาว ซึ่งหมายถึงการปรับโครงสร้างกรามอย่างแท้จริง ทำให้รูปหน้าของคุณเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งเมื่อมองจากด้านหน้าและด้านข้าง ไม่ใช่เพียงแค่การเลาะเปลือกกระดูกด้านนอกเพียงชั้นเดียวเหมือนที่ทำจากบางที่ ซึ่งอาจทำให้รูปหน้าเปลี่ยนแค่ด้านหน้า แต่เมื่อมองด้านข้างแล้วยังไม่เห็นความแตกต่างชัดเจนและอาจต้องกลับมาแก้ไขใหม่

นอกจากนี้ เรายังมีเทคนิคพิเศษที่ช่วยลดอาการอักเสบ บวมช้ำ ทำให้คุณฟื้นตัวได้เร็วและไม่ต้องพักฟื้นนาน เพื่อให้คุณได้รูปหน้าที่เรียวสวยและอ่อนหวานอย่างเป็นธรรมชาติครับ

เทคนิคการศัลยกรรมตัดกรามที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์

โรงพยาบาลเลอลักษณ์มีเทคนิคพิเศษในการตัดกราม 2 แบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย:

เทคนิคที่ 1: ตัดกราม

เทคนิคนี้เน้นการตัดกระดูกกรามส่วนเกินจากใต้กกหูจนถึงมุมกราม โดยสามารถตัดกระดูกออกได้ เป็นชิ้นเดียวที่หนาและใหญ่ ไม่มีรอยต่อหรือเป็นขั้นบันได ทำให้ใบหน้าดูเรียวและละมุนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

เทคนิคที่ 2: Mini V-line

เทคนิคนี้เหมาะสำหรับการลดปริมาตรกระดูกกรามบริเวณกรอบหน้าให้เรียวเล็กลง โดยสามารถตัดกระดูกกรามได้ยาวตลอดแนวกรอบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กแบบถาวร พร้อมปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนโยนและอ่อนเยาว์ขึ้น

เทคนิคที่ 3 :เทคนิคการศัลยกรรม V-line

เทคนิค V-line คือการผ่าตัดปรับรูปหน้าขั้นสูงที่ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กและละมุนในทุกมิติ

เทคนิคนี้มีความโดดเด่นตรงที่สามารถตัดกระดูกกรามออกได้ เป็นชิ้นเดียวที่หนา ใหญ่ และยาว โดยศัลยแพทย์จะตัดเลาะกระดูกได้ชิดกับแนวเส้นประสาทรากฟัน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเรียบเนียน ไม่มีรอยขรุขระหรือเป็นขั้นบันได

จุดเด่นของเทคนิค V-line

การผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่สมบูรณ์แบบและมีความละมุนขั้นสุดครับ

เทคนิคที่ 4 เทคนิค Full Korean V-line: การปรับโครงหน้าแบบถาวร

Full Korean V-line คือการศัลยกรรมปรับโครงสร้างใบหน้าขั้นสูงสุดที่ช่วยให้รูปหน้าเรียวเล็กอย่างถาวรตลอดชีวิต เทคนิคนี้ไม่เพียงแต่จัดการกับมุมกรามเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับตำแหน่งและความยาวของคางได้อย่างอิสระ ทำให้โครงหน้ามีความสมดุลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เทคนิคนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาโครงหน้าไม่สมมาตร ใบหน้าเป็นรูปตัว U หรือรูปถ้วย รวมถึงผู้ที่มีคางสั้น คางบุ๋ม หรือคางถอย ซึ่งมีข้อจำกัดในการเสริมซิลิโคนคาง

การทำ Full V-line ที่แท้จริง

การทำ Full V-line ของแท้ไม่ใช่แค่การตัดกรามแล้วเสริมซิลิโคนคางเหมือนที่ทำในบางแห่ง เพราะการเสริมซิลิโคนทำได้แค่ให้คางยาวขึ้น แต่ไม่สามารถทำให้คางเล็กลงหรือแคบลงได้ หากฐานคางกว้างก็ยังคงดูไม่สมส่วน นอกจากนี้ การเสริมซิลิโคนในระยะยาวยังอาจทำให้กระดูกคางกร่อนและซิลิโคนจมลง ทำให้รูปคางเปลี่ยนไปได้ในอนาคต

ขั้นตอนการผ่าตัด

เทคนิค Full Korean V-line ของโรงพยาบาลเลอลักษณ์เป็นการตัดกระดูกกรามจากใต้กกหูจนถึงมุมคางอย่างแม่นยำ โดยใช้เครื่องมือ Micro-G ที่สามารถซอกซอนได้ลึกถึง 6-7 มม. เลยแนวเส้นประสาทรากฟัน เพื่อลดปริมาตรความกว้าง ความหนา และความยาวของกรามอย่างแท้จริง

จากนั้น แพทย์จะนำกระดูกกรามส่วนที่ตัดออกมามา ปรับตำแหน่งและต่อเข้ากับคาง เพื่อให้ได้องศาที่เหมาะสมและรับกับโครงหน้าที่ตัดลดไปแล้ว ทำให้ได้รูปหน้าที่สมดุล สวยงาม และเป็นธรรมชาติอย่างถาวร

Full Korean V-line ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์: การปรับโครงหน้าขั้นสุด

การผ่าตัด Full Korean V-line ของโรงพยาบาลเลอลักษณ์ เป็นการศัลยกรรมปรับโครงหน้าแบบครบวงจรที่ให้ผลลัพธ์ถาวรและเป็นธรรมชาติ ซึ่งประกอบด้วยเทคนิคหลักดังนี้:

การผ่าตัดด้วยเทคนิคเหล่านี้ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ ใบหน้าดูเรียวเล็ก และได้สัดส่วนที่สวยงามอย่างแท้จริงครับ

ทำไมต้องเลือกโรงพยาบาลเลอลักษณ์สำหรับการตัดกราม


การตัดสินใจผ่าตัดกรามเพื่อปรับโครงหน้าถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ การเลือกสถานพยาบาลที่เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งจำเป็น โรงพยาบาลเลอลักษณ์มีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการผ่าตัดกราม

1. ตัดกระดูกกรามได้ชิ้นหนาและยาว

ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ศัลยแพทย์สามารถตัด กระดูกกรามได้ชิ้นหนา ใหญ่ และยาว ออกมาเป็นชิ้นเดียว โดยไม่มีรอยต่อหรือขั้นบันได ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างกรามอย่างแท้จริง การตัดกระดูกที่ชิดกับแนวเส้นประสาทอย่างแม่นยำ ทำให้รูปหน้าดูเรียวเล็กและสวยงามอย่างเห็นได้ชัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถตรวจสอบชิ้นกระดูกกรามที่ตัดออกมาหลังผ่าตัดได้ทันที

2. โครงกรามที่เหลืออยู่เรียบเนียน

หลังจากตัดกระดูกส่วนเกินออกไปแล้ว โครงกรามที่เหลืออยู่จะมีความเรียบเนียนและกลมกลืน ไม่ขรุขระ ทำให้สามารถคลำหรือสัมผัสด้วยตนเองได้ และยังสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนนี้ได้จากผล CT-Scan อีกด้วย

3. การใช้เครื่อง Micro-G

ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ เราใช้เครื่องมือพิเศษที่ชื่อว่า Micro-G ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตัดวัสดุที่แข็งอย่างกระดูกโดยเฉพาะ เครื่องมือนี้มีความแม่นยำสูง ทำให้ศัลยแพทย์สามารถซอกซอนเข้าไปในส่วนที่ลึกและแคบได้อย่างละเอียด ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้เรียบเนียน ไม่เป็นขั้นบันได และยังได้ความยาวที่เหนือกว่าการใช้เครื่องมือทั่วไป

4. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลเลอลักษณ์เป็น ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง ทุกท่าน ซึ่งต้องผ่านการศึกษาและฝึกฝนอย่างยาวนานรวมถึง 12 ปี และมีประสบการณ์การผ่าตัดศัลยกรรมมามากกว่า 10 ปี คุณจึงมั่นใจได้ว่าแพทย์ของเรามีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดปรับโครงหน้าและตัดกรามอย่างมืออาชีพ ต่างจากบางแห่งที่อาจใช้ทันตแพทย์ในการผ่าตัด ซึ่งไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งโดยตรง

5. มาตรฐานความปลอดภัยสูง

โรงพยาบาลเลอลักษณ์มีมาตรฐานโรงพยาบาลเต็มรูปแบบ พร้อมเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ช่วยชีวิตครบครัน โดยมีห้องผ่าตัดที่ใช้ระบบกรองอากาศ HEPA Filter ซึ่งสามารถควบคุมฝุ่นละอองและเชื้อโรคได้ถึง 99.99% นอกจากนี้ยังมีระบบ Oxygen Pipeline หรือออกซิเจนช่วยชีวิตฉุกเฉิน และมีทีมแพทย์พยาบาลคอยดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

6. สามารถทำเทคนิค V-Line ได้อย่างแท้จริง

การตัดกรามด้วยเทคนิค V-Line ถือเป็นมาตรฐานสูงสุดในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเทคนิคที่มีความซับซ้อนและทำได้ยากมาก แต่ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์มีศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้สามารถทำการผ่าตัด V-Line ได้อย่างแท้จริง ซึ่งช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติในทุกมิติ

7. การรับประกันงานศัลยกรรม 6 เดือน

โรงพยาบาลเลอลักษณ์มอบ การรับประกันงานศัลยกรรมภายใน 6 เดือน หลังการผ่าตัด ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในประเทศไทย โดยเฉพาะเคสแก้ไขการตัดกรามที่ทำมาจากที่อื่น เนื่องจากมีความซับซ้อนและต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงในการปรับแก้ไขโครงสร้างกระดูกที่เสียหายให้กลับมาสู่สภาพปกติและสวยงาม

8. คุ้มค่าด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง

ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลเลอลักษณ์เป็น ศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดปรับโครงหน้าโดยตรง ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนจะดำเนินการอย่างมืออาชีพและปลอดภัย ผลลัพธ์ที่ได้จึงคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปอย่างแน่นอน

ศัลยกรรมยุบโหนกแก้ม: ปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนหวาน

การศัลยกรรมยุบโหนกแก้มเป็นวิธีแก้ไขปัญหาโครงสร้างใบหน้าที่ตรงจุด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มี โหนกแก้มสูงใหญ่ หรือ ใบหน้ากว้าง ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าดูแข็งและไม่อ่อนหวาน

การผ่าตัดนี้ช่วยปรับขนาดและรูปทรงของกระดูกบริเวณใต้ตาและข้างกระบอกตาให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับใบหน้าโดยรวม ทำให้ใบหน้าส่วนบนดูแคบลง ดูอ่อนโยน และมีเสน่ห์มากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าวัยอีกด้วย

ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ เรามีเคสผ่าตัดยุบโหนกแก้มมากที่สุดในประเทศไทย ทำให้ศัลยแพทย์มีความชำนาญสูงและมีเทคนิคพิเศษที่แตกต่างจากที่อื่น เราไม่ได้ตัดเฉพาะโหนกแก้มส่วนกลางเท่านั้น แต่ยัง ตัดมุมโหนกแก้มที่อยู่ใต้ตาและหน้าหู ด้วย ทำให้กระดูกยุบลงได้ในทุกมิติ และตัดได้เรียบเนียน ไม่เป็นขั้นบันได ส่งผลให้รูปหน้าดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเจนกว่าการผ่าตัดที่อื่น ซึ่งอาจไม่ได้ปรับเปลี่ยนบริเวณใต้ตาและหน้าหูเลย

การประเมินปัญหาโหนกแก้มเพื่อการแก้ไขที่เหมาะสม

การประเมินลักษณะโหนกแก้มเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้สามารถเลือกวิธีแก้ไขได้อย่างตรงจุดและเหมาะสมที่สุด โดยสามารถแบ่งลักษณะของโหนกแก้มที่พบบ่อยได้ 5 แบบ ดังนี้:

เทคนิค 4 Special Tight เพื่อการผ่าตัดลดขนาดโหนกแก้ม


โรงพยาบาลเลอลักษณ์ใช้เทคนิคพิเศษที่เรียกว่า 4 Special Tight (ตัด-เลื่อน-เชื่อม-ยึด) ในการผ่าตัดลดขนาดโหนกแก้ม ซึ่งช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและปลอดภัยสูงสุด

*กรณีที่กระดูกโหนกแก้มด้านหน้าหนา เมื่อมองด้านข้างจะเห็นกระดูกส่วนนี้ยื่นไปข้างหน้า
แนะนำให้กรอกระดูกโหนกแก้มร่วมด้วย จะทำให้หน้าเปลี่ยนทุกมิติ

ทำไมต้องเลือกยุบโหนกแก้มที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์


การศัลยกรรมยุบโหนกแก้มเป็นการปรับโครงหน้าครั้งใหญ่ การเลือกสถานพยาบาลที่เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญ โรงพยาบาลเลอลักษณ์มีจุดเด่นหลายด้านที่ทำให้มั่นใจได้ในผลลัพธ์และความปลอดภัย

1. เทคนิคการผ่าตัดที่หลากหลายและขั้นสูง ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์มี ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกโครงหน้า ซึ่งมีความเชี่ยวชาญสูง ทำให้สามารถผ่าตัดได้ในทุกรูปแบบ ตั้งแต่แบบพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคขั้นสูงสุดอย่างการ ล็อคสกรูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำได้ยากและต้องใช้ความแม่นยำสูง

2. สามารถยุบโหนกแก้มได้มากกว่าที่อื่น โดยทั่วไปการยุบโหนกแก้มเกิน 5 มม. อาจทำให้เนื้อแก้มหย่อนคล้อย แต่ที่นี่เรามี เทคนิคพิเศษในการเย็บยึดเนื้อและยกแก้ม ควบคู่ไปกับการผ่าตัด ทำให้สามารถยุบกระดูกโหนกแก้มได้ไม่จำกัด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาหน้าห้อยหรือแก้มย้อยหลังทำ

3. หน้าไม่ห้อย แก้มไม่ย้อยหลังทำ ด้วยเทคนิคพิเศษในการเย็บยึดเนื้อและยกแก้มที่กล่าวไป ทำให้หน้าไม่ห้อยและแก้มไม่ย้อยหลังทำ ต่างจากบางแห่งที่อาจใช้เพียงการร้อยไหมเพื่อยกเนื้อ ซึ่งเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ในระยะสั้น

4. เทคนิคการตัดขอบกระดูกที่เรียบเนียน ในการตัดโหนกแก้มด้านข้าง แพทย์จะใช้เทคนิคการตัดขอบเป็นรูปตัว Z ทำให้ขอบกระดูกที่เหลืออยู่เรียบเนียนและกลมกลืน ไม่เป็นเหลี่ยมหรือเป็นขั้นบันไดเมื่อคลำ ซึ่งแตกต่างจากการตัดแบบตรงๆ ทั่วไปที่ทำให้เกิดขอบเป็นเหลี่ยมได้

5. มาตรฐานความปลอดภัยสูง โรงพยาบาลเลอลักษณ์มีมาตรฐานโรงพยาบาลเต็มรูปแบบ พร้อมห้องผ่าตัดปลอดเชื้อด้วยระบบ HEPA Filter ที่สามารถกรองเชื้อโรคได้ถึง 99.99% และมีระบบออกซิเจนช่วยชีวิตฉุกเฉิน รวมถึงทีมแพทย์และพยาบาลที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดึงหน้า

การเตรียมตัวอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด

การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและลดอาการบวมช้ำ

  1. พักฟื้นที่โรงพยาบาล: ควรพักฟื้นในห้องพัก VIP ของโรงพยาบาลอย่างน้อย 1 คืน เพื่อให้แพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด
  2. ทานอาหารอ่อน: ในช่วงแรกควรทานอาหารอ่อนๆ และงดอาหารรสจัดหรืออาหารแข็งที่ต้องใช้การเคี้ยวมาก
  3. ฝึกอ้าปาก: ฝึกอ้าปากบ่อยๆ เพื่อป้องกันการเกิดพังผืดบริเวณกรามและข้อต่อขากรรไกร
  4. ท่านอน: นอนในท่าหน้าตรงเป็นเวลา 7 วันหลังผ่าตัด ห้ามนอนคว่ำหรือนอนตะแคง
  5. ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณแก้มประมาณ 7 วันเพื่อช่วยลดอาการบวมและรอยเขียวช้ำ
  6. ดูแลความสะอาด: บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดบ่อยๆ เพื่อช่วยทำความสะอาดคราบเลือดบริเวณแผล
  7. งดกิจกรรมหนัก: ควรงดการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแรงกระแทกเป็นเวลาประมาณ 14 วัน
  8. การยุบบวม: อาการบวมบริเวณมุมกรามจะยุบลงเต็มที่ในระยะเวลาประมาณ 1-2 เดือน