นวัตกรรมฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิก (HA Dermal Fillers): การวิเคราะห์ความแตกต่างทางเทคโนโลยี, ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์, และแนวทางการตรวจสอบผลิตภัณฑ์แท้
ในยุคปัจจุบัน กรดไฮยาลูรอนิก ฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid Dermal Fillers) ได้กลายเป็นหัตถการพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพสูงในการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์และปรับโครงสร้างใบหน้า การเสื่อมสภาพของผิวหนังตามธรรมชาติที่เกิดจากการลดลงของคอลลาเจนและ HA ในเนื้อเยื่อชั้นลึก ทำให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย การใช้ฟิลเลอร์จึงเป็นทางเลือกสำคัญในการเติมเต็มและยกกระชับ อย่างไรก็ตาม ด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในตลาด การตัดสินใจเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมจึงต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกในด้านเทคโนโลยี
บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เปรียบเทียบคุณสมบัติทางชีวกลศาสตร์และเทคโนโลยีการผลิต ของฟิลเลอร์ชั้นนำที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน (เช่น Restylane, Juvederm, Belotero) เพื่อให้สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสมกับข้อบ่งชี้ทางคลินิกในแต่ละบริเวณของใบหน้า พร้อมนำเสนอ แนวทางการตรวจสอบผลิตภัณฑ์แท้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดของการรักษา
Hyaluronic Acid Dermal Fillers: การเปรียบเทียบคุณสมบัติและการตรวจสอบผลิตภัณฑ์แท้
ฟิลเลอร์ (Dermal Filler) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการเวชศาสตร์ความงาม เพื่อแก้ไขปัญหาความร่วงโรยของผิวหนังที่เกิดจากการลดลงตามธรรมชาติของ คอลลาเจน (Collagen) และ กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ภายในผิวหนังเมื่ออายุมากขึ้น ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือกลุ่มที่บรรจุด้วย กรดไฮยาลูรอนิก (HA Fillers) เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยเติมเต็มริ้วรอย, เพิ่มปริมาตร, ปรับรูปหน้า, และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
คำถามสำคัญที่ผู้รับบริการควรทราบก่อนตัดสินใจคือ “ควรเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อใด?” การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมนั้นจำเป็นต้องเข้าใจถึงคุณสมบัติทางเคมีและโครงสร้างของผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อ
การเปรียบเทียบและหลักการเลือกฟิลเลอร์ (Filler Selection Principles)
แม้ว่าฟิลเลอร์ส่วนใหญ่จะใช้สารตั้งต้นคือ Hyaluronic Acid แต่ความแตกต่างในแต่ละยี่ห้อและรุ่นย่อย (Collection) จะอยู่ที่ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อโมเลกุล (Cross-linking Technology) และ ขนาดของอนุภาค (Particle Size) ซึ่งส่งผลต่อคุณสมบัติหลัก 3 ด้าน:
- ความหนืด (Viscosity/Cohesivity):
- คุณสมบัติ: คือความสามารถในการยึดเกาะกันของเนื้อเจล
- การเลือกใช้: ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดสูง (Cohesive) จะเหมาะสำหรับการ ยกกระชับโครงสร้าง และ เติมเต็มกระดูก (เช่น คาง, แก้มส่วนล่าง)
- ความยืดหยุ่น/ความแข็ง (Elasticity/G’ Prime):
- คุณสมบัติ: คือความสามารถในการต้านทานต่อแรงกดและการเปลี่ยนแปลงรูปทรง
- การเลือกใช้: ฟิลเลอร์ที่มีความแข็งสูง (High G’ Prime) เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการความคงรูป เช่น สันจมูก และ คาง ขณะที่ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องมีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ร่องแก้ม
- ขนาดของอนุภาค (Particle Size/Homogeneity):
- คุณสมบัติ: อนุภาคที่มีขนาดเล็กและละเอียด มักจะมีความนิ่มและเรียบเนียนกว่า
- การเลือกใช้: อนุภาคละเอียดเหมาะสำหรับการ เติมเต็มริ้วรอยตื้นๆ และ บริเวณใต้ตา ที่ต้องการความนุ่มนวลเป็นพิเศษ
ดังนั้น การตัดสินใจเลือกยี่ห้อหรือรุ่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของแบรนด์เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับ บริเวณที่ฉีด (Target Area), ความลึกของปัญหา, และ ผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดให้
คำแนะนำ: วิธีตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ (Verification of Authentic Fillers)
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ผู้รับบริการต้องมั่นใจว่าได้รับผลิตภัณฑ์ของแท้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากคุณสมบัติดังนี้:
- ฉลากภาษาไทย: ต้องมีฉลากภาษาไทยกำกับ พร้อมระบุเลขทะเบียน อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
- เอกสารกำกับยา: มีเอกสารกำกับยาและรายละเอียดการใช้งานภายในกล่อง
- การตรวจสอบกับบริษัทผู้ผลิต: ผู้ป่วยสามารถ ขอเลข Lot Number และ วันที่ผลิต/หมดอายุ บนกล่อง เพื่อโทรตรวจสอบกับบริษัทผู้นำเข้าโดยตรงได้
- กล่องและบรรจุภัณฑ์: กล่องต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่เคยถูกเปิดมาก่อน และผู้รับบริการควรสังเกตว่าแพทย์มีการเปิดกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้าก่อนทำการฉีด
ขนาดของโมเลกุลฟิลเลอร์ ที่ใช้ฉีด
Molecular Weight and Particle Size in Hyaluronic Acid Fillers: ผลกระทบต่อการใช้งานทางคลินิก
คุณสมบัติทางโครงสร้างของ ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid Fillers) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขนาดของโมเลกุล (Molecular Weight) และ ขนาดของอนุภาค (Particle Size) ที่ใช้ในกระบวนการเชื่อมต่อโมเลกุล (Cross-linking) มีความสัมพันธ์โดยตรงกับคุณสมบัติทางชีวกลศาสตร์ (Biomechanics) และการใช้งานทางคลินิก:
1. ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่/หนัก (High Molecular Weight/Large Particle Size)
- คุณสมบัติหลัก: ฟิลเลอร์กลุ่มนี้มี ความหนาแน่นและความคงรูป (Cohesivity and Rigidity) สูง มักมีค่าความยืดหยุ่น (G′ Prime) สูง
- พฤติกรรมในเนื้อเยื่อ:
- การคงตัว: มีความสามารถในการ คงรูปได้นานกว่า เนื่องจากโครงสร้างที่แข็งแรงและต้านทานต่อการถูกย่อยสลาย
- การกระจายตัว: มี การกระจายตัว (Spread) น้อยและ การเคลื่อนที่ (Migration) ต่ำ ทำให้คงอยู่ในตำแหน่งที่ฉีดได้ดี
- ข้อบ่งชี้ทางคลินิก:
- เหมาะสำหรับการฉีด เข้าสู่ผิวหนังชั้นลึก (Deep Dermis) หรือ เหนือกระดูก (Supra-Periosteal)
- ใช้เป็น ฐานในการยกกระชับโครงหน้า (Structural Support) เช่น การเสริมกระดูกบริเวณคาง, แนวกราม, หรือแก้มส่วนกลาง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการ ดึงยก (Lifting) ที่มีประสิทธิภาพ
2. ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก/เบา (Low Molecular Weight/Small Particle Size)
- คุณสมบัติหลัก: ฟิลเลอร์กลุ่มนี้มี เนื้อที่นุ่มนวลและมีความยืดหยุ่น (Softness and Pliability) สูง มักมีค่าความหนืดและความแข็งต่ำกว่า
- พฤติกรรมในเนื้อเยื่อ:
- ความเรียบเนียน: มีการเกลี่ยตัวในเนื้อเยื่อได้ง่าย ทำให้ได้ผิวสัมผัสที่ดูเรียบเนียน
- ข้อบ่งชี้ทางคลินิก:
- เหมาะสำหรับการฉีด เข้าสู่ผิวหนังชั้นตื้น (Superficial Dermis)
- ใช้สำหรับ เติมเต็มริ้วรอยตื้นๆ (Fine Lines) หรือบริเวณที่ต้องการความละเอียดอ่อนสูงและมีการเคลื่อนไหวมาก เช่น บริเวณใต้ตา (Tear Troughs) หรือ ริมฝีปาก เพื่อปรับสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์และชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้เกิดก้อนหรือความไม่เรียบเนียน
ยี่ห้อของฟิลเลอร์ ที่ผ่าน อย ไทย
Certified Hyaluronic Acid Dermal Fillers in Thailand: การเปรียบเทียบคุณสมบัติเชิงเทคนิคและทางคลินิก
การเลือก ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid Fillers) ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยผู้รับบริการควรเลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แห่งประเทศไทย เท่านั้น ยี่ห้อฟิลเลอร์ชั้นนำระดับโลกที่ได้รับความนิยมและผ่านการรับรองในประเทศไทย ได้แก่:
- Restylane (เรสไทเลน)
- Juvederm (จูวีเดิม)
- Belotero (เบโลเทโร)
- Neuramis (นิวรามิส) (และยี่ห้ออื่น ๆ เช่น Definisse, Teoxane, Perfectha)
การเปรียบเทียบคุณสมบัติเชิงเทคนิค (Technical Comparison of Key Brands)
แม้ว่าทั้งสามยี่ห้อหลัก (Restylane, Juvederm, Belotero) จะใช้ Hyaluronic Acid เป็นสารตั้งต้น แต่ความแตกต่างอยู่ที่ เทคโนโลยีการผลิต ที่ส่งผลต่อคุณสมบัติทางชีวกลศาสตร์และการใช้งาน:
1. Restylane (สวีเดน) * เทคโนโลยีเด่น: NASHA Technology (Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid) และ OBT Technology (Optimal Balance Technology) * คุณสมบัติ: * NASHA: เนื้อเจลแข็ง, คงตัวสูง, ไม่ฟูมาก, เหมาะสำหรับการฉีดในผิวชั้นลึกเพื่อ ยกพยุงโครงสร้าง (Lifting) และ สร้างขอบเขต (Contouring) เช่น แก้ม, คาง, แนวกราม (รุ่น Lyft/Perlane) * OBT: เนื้อเจลนิ่มและมีความยืดหยุ่นสูง (Stretchable Gel), เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ปาก, ร่องแก้ม, ใต้ตา (รุ่น Volyme, Defyne, Refyne, Kysse)
2. Juvederm (สหรัฐอเมริกา) * เทคโนโลยีเด่น: Vycross Technology และ Hylacross Technology * คุณสมบัติ: * Vycross: เนื้อเจลเรียบเนียนสม่ำเสมอ, มีความยืดหยุ่นสูง, ทนทานต่อการสลายตัว, ทำให้ ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า และมีอัตราการดูดน้ำต่ำกว่า * การใช้งาน: มีรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อ เพิ่มปริมาตรและความคงรูป (Volux, Voluma) สำหรับโครงสร้างกระดูก และรุ่นที่เน้น ความนุ่มนวลและงานผิว (Volbella, Volite) สำหรับริ้วรอยตื้นและใต้ตา
3. Belotero (สวิตเซอร์แลนด์) * เทคโนโลยีเด่น: Cohesive Polydensified Matrix (CPM) Technology * คุณสมบัติ: * CPM: เนื้อเจลที่มีความหนาแน่นหลายระดับในอนุภาคเดียว (Monophasic Cohesive Gel) ทำให้มีคุณสมบัติ กลืนเข้ากับผิวได้ดี (Integration) และ เรียบเนียน โดยเฉพาะรุ่นที่โมเลกุลละเอียด * การใช้งาน: มีรุ่นที่เน้น ความละเอียดและความนุ่มนวลสูงสุด (Soft) เหมาะสำหรับการฉีดในผิวชั้นตื้นและใต้ตาโดยไม่เป็นก้อน และรุ่นที่เน้น การเพิ่มปริมาตร (Volume) และ การกระตุ้นงานผิว (Revive)
Restylane Dermal Fillers: นวัตกรรมและคุณสมบัติทางเทคโนโลยี
ฟิลเลอร์ Restylane เป็นผลิตภัณฑ์กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) ชั้นนำระดับโลกจากประเทศสวีเดน ซึ่งโดดเด่นในด้านความปลอดภัยและการให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
คุณสมบัติทางเคมีและชีวภาพ (Chemical and Biological Characteristics)
- โครงสร้างที่ใกล้เคียงธรรมชาติ: Restylane มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลในระดับต่ำสุด (Minimal Stabilization ต่ำกว่า 1%) ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์มีความคล้ายคลึงกับ HA ที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ตามธรรมชาติมากที่สุด ส่งผลให้มี ความเข้ากันได้ทางชีวภาพ (Biocompatibility) สูง และลดโอกาสการเกิดปฏิกิริยาการแพ้
- ประสิทธิภาพในการยกกระชับ (Lifting Capacity): Restylane มีคุณสมบัติในการ ยกผิว (Lifting Capacity) ที่ดีเยี่ยม ทำให้ศัลยแพทย์สามารถใช้ในปริมาณที่เหมาะสมแต่ให้ผลลัพธ์ในการ ยกกระชับใบหน้า (Facial Lifting) ได้อย่างชัดเจน
เทคโนโลยีการผลิตหลัก (Core Manufacturing Technologies)
ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ Restylane แต่ละรุ่นขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อโมเลกุล (Cross-linking) ที่ใช้:
- 1. NASHA Technology (Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid): เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดอนุภาคเจลที่มีขนาดใหญ่และคงตัว (Cohesive) ซึ่งเหมาะสำหรับการสร้างโครงสร้างและให้ความคงรูปสูง มีข้อดีคือความบริสุทธิ์สูงและลดความเสี่ยงต่อการแพ้
- 2. OBT Technology (Optimal Balance Technology): เป็นเทคโนโลยีที่สร้างเนื้อเจลที่มีความนิ่มและ ยืดหยุ่นสูง (High Elasticity) ทำให้สามารถกลืนเข้ากับเนื้อเยื่อและรองรับการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณที่มีการขยับบ่อย
การจำแนกรุ่นผลิตภัณฑ์ตามข้อบ่งชี้ทางคลินิก (Product Classification and Clinical Indications)
ผลิตภัณฑ์ Restylane แบ่งออกเป็นกลุ่มหลักตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน:
A. กลุ่มสำหรับการปรับรูปหน้าและเพิ่มปริมาตร (Contouring and Volumization)
- Restylane Classic (หรือรุ่นที่เทียบเคียง): เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลเบา เหมาะสำหรับฉีดในผิวหนังชั้นกลาง ใช้เทคโนโลยี NASHA ในการผลิต มักใช้เติมเต็มริ้วรอยปานกลาง
- Restylane Refyne: ใช้เทคโนโลยี OBT เนื้อเจลนิ่ม มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบาง และใช้ฉีด ร่องแก้ม หรือ ร่องน้ำหมาก
- Restylane Defyne: ใช้เทคโนโลยี OBT มีคุณสมบัติในการคงรูปได้ดีปานกลาง เหมาะสำหรับใช้เติมเต็ม กรอบหน้า และ ยกกระชับ บางส่วน โดยฉีดในผิวหนังชั้นกลางถึงชั้นไขมัน
- Restylane Lyft (Perlane Lyft): เป็นฟิลเลอร์ที่มี โมเลกุลหนักและใหญ่ ผลิตด้วยเทคโนโลยี NASHA เหมาะสำหรับการ ขึ้นรูปโครงสร้าง ชั้นลึก เช่น กระดูกแก้ม (Cheekbone), กรอบหน้า, และ คาง
- Restylane Volyme: เป็นฟิลเลอร์ที่มี โมเลกุลใหญ่ ผลิตด้วยเทคโนโลยี OBT เหมาะสำหรับฉีดในบริเวณที่ต้องการ เพิ่มปริมาตร (Volume) และ ยกกระชับ อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น ขมับ และ แก้ม
B. กลุ่มสำหรับการฟื้นฟูผิวและเพิ่มความกระจ่างใส (Skin Revitalization)
- Restylane Vital และ Restylane Vital Light: ฟิลเลอร์สองชนิดนี้เป็น ฟิลเลอร์ชนิดโมเลกุลเบา และมีความละเอียดสูง ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ฉีดใน ผิวหนังชั้นตื้น (Superficial Dermis) โดยมีจุดประสงค์หลักในการ ฟื้นฟูคุณภาพผิว (Skin Quality), เพิ่มความ ชุ่มชื้น, และเพิ่มความ กระจ่างใส (Glow) สามารถใช้ได้ทั้งบริเวณใบหน้า, ลำคอ, หน้าอก (Décolletage), และหลังมือ
Juvederm Dermal Fillers: นวัตกรรมและคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นผลิตภัณฑ์กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) คุณภาพสูงจากประเทศ สหรัฐอเมริกา ซึ่งผลิตโดยบริษัท Allergan Aesthetics และนำเข้าอย่างเป็นทางการโดย Allergan Thailand (DSKH) ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพระดับโลก ได้แก่ US FDA และ Thai FDA โดยมีจุดเด่นทางเทคนิคและการใช้งานที่สำคัญ ดังนี้:
จุดเด่นทางเทคโนโลยีและความปลอดภัย (Key Technological Advantages)
- Vycross Technology: เป็นเทคโนโลยีหลักในฟิลเลอร์รุ่นใหม่ของ Juvederm ซึ่งใช้การเชื่อมต่อโมเลกุลแบบผสม ทำให้เนื้อเจลมีความเรียบเนียนสม่ำเสมอ, มีความยืดหยุ่นสูง, ทนทานต่อการสลายตัว, และมีอัตราการดูดซับน้ำต่ำกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ส่งผลให้ โอกาสเกิดอาการบวมหลังฉีดน้อย และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ความคงทนต่อการสลายตัว: ฟิลเลอร์บางรุ่นของ Juvederm มีคุณสมบัติในการคงสภาพอยู่ได้ ยาวนานถึง 18-24 เดือน (2 ปี) ทำให้ผู้รับบริการไม่จำเป็นต้องเข้ารับการฉีดซ้ำบ่อยครั้ง
- ความปลอดภัยสูง: ฟิลเลอร์สามารถ สลายตัวได้เองตามธรรมชาติ 100% โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย เมื่อถึงกำหนดเวลา
การจำแนกรุ่นผลิตภัณฑ์ตามเทคโนโลยีและข้อบ่งชี้ทางคลินิก (Product Line and Clinical Indications)
ผลิตภัณฑ์ Juvederm แบ่งออกเป็นกลุ่มเทคโนโลยีหลัก คือ Hylacross และ Vycross โดยมีรุ่นย่อยสำหรับการใช้งานเฉพาะจุด:
I. กลุ่มเทคโนโลยี Hylacross (แบบดั้งเดิม)
- 1. Juvederm Ultra: มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ให้เนื้อเจลที่มีความฟู เหมาะสำหรับใช้เติมเต็ม ร่องแก้ม และ ขมับ เพื่อให้ผิวดูอิ่มน้ำและเต่งตึง ระยะเวลาคงอยู่: ประมาณ 6 เดือน
- 2. Juvederm Ultra Plus: มีความหนืดและความคงตัวมากกว่ารุ่น Ultra เหมาะสำหรับ ร่องลึก ต่าง ๆ, การเติมเต็ม ขมับ หรือในผู้ที่มีปัญหา แก้มตอบ ระยะเวลาคงอยู่: ประมาณ 6-9 เดือน
II. กลุ่มเทคโนโลยี Vycross (นวัตกรรมล่าสุด)
- 3. Juvederm Volbella: มีโมเลกุลขนาดเล็กและละเอียดเป็นพิเศษ ถูกออกแบบมาสำหรับเน้นการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการความละเอียดอ่อนสูง เช่น ใต้ตา และ ริมฝีปาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่อวบอิ่มและเป็นธรรมชาติ ระยะเวลาคงอยู่: ประมาณ 12 เดือน
- 4. Juvederm Volift: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา ร่องลึกบนใบหน้า ที่เกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อตามวัย สามารถใช้แก้ไขความบกพร่องต่าง ๆ จุดเด่นคือหลังฉีดจะดู เป็นธรรมชาติ และกระจายตัวได้ดีเรียบเนียน ระยะเวลาคงอยู่: ประมาณ 18 เดือน
- 5. Juvederm Voluma: เป็นฟิลเลอร์ที่มี โมเลกุลขนาดใหญ่ (สารพัดประโยชน์) มีความคงรูปสูง สามารถใช้เติมเต็มเพื่อ ยกกระชับโครงหน้า (Facial Lifting) และ สร้างโครงสร้างชั้นลึก เช่น หน้าแก้ม, ขมับ, คาง และใช้ในการปรับรูปหน้า ระยะเวลาคงอยู่: ประมาณ 24 เดือน (2 ปี)
III. ผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด (New Releases)
- 6. Juvederm Volite: (เปิดตัวในประเทศไทยกลางปี 2019) ถูกออกแบบมาสำหรับ ฟื้นฟูคุณภาพผิว (Skin Quality) โดยเฉพาะ มีคุณสมบัติในการช่วยลดริ้วรอยตื้นๆ และ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว อย่างล้ำลึก เหมาะสำหรับผิวบริเวณ ใต้ตา, ลำคอ, ช่วงอก, และ หลังมือ
- 7. Juvederm Volux: (เปิดตัวในงาน AMWC 2019) เป็นฟิลเลอร์ที่มี โมเลกุลหนักและแข็งที่สุด ในตระกูล Juvederm
- จุดเด่น: ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริเวณคาง, กราม, และขากรรไกร โดยเฉพาะ
- คุณสมบัติ: มีความหนาแน่นและความแข็งสูง ทำให้ ขึ้นรูปได้ง่าย และ คงรูปได้ดี มีการเคลื่อนตัวต่ำ ระยะเวลาคงอยู่: นานถึง 24 เดือน
Belotero Dermal Fillers: คุณสมบัติทางเทคนิคและรุ่นที่ได้รับการรับรอง
ฟิลเลอร์ Belotero เป็นผลิตภัณฑ์กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) ระดับพรีเมียมจากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้รับรางวัลด้านความงามในยุโรปหลายรางวัลและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยมีผู้ใช้จริงมากกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก
จุดเด่นทางเทคโนโลยีและการรับรอง (Technological and Regulatory Highlights)
- เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix): Belotero ถูกผลิตและพัฒนาด้วยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะขั้นสูงจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งทำให้เนื้อเจลมีความสามารถในการ กลืนเข้ากับเนื้อเยื่อผิวหนังได้ดีเยี่ยม (Excellent Tissue Integration) มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอ และช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความเป็นธรรมชาติสูง ไม่เสี่ยงต่อการเป็นก้อน
- ความปลอดภัยและการรับรอง: Belotero ผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องและได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ได้แก่ US FDA, CE Mark (ยุโรป) และ TH FDA (ประเทศไทย) ทำให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
- ความคงทน: ฟิลเลอร์ Belotero บางรุ่นสามารถคงผลลัพธ์ความอ่อนเยาว์ได้นานสูงสุดถึง 18 – 24 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่นและบริเวณที่ฉีด)
- การออกแบบตามโครงสร้างผิว (Colourful Filler Concept): Belotero มีการออกแบบผลิตภัณฑ์หลายรุ่น (ซึ่งอาจถูกเรียกว่า Colourful Filler ตามสีสันของกล่อง) โดยแต่ละสีถูกกำหนดให้มีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะสมกับความลึกและบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
การจำแนกรุ่นผลิตภัณฑ์ตามข้อบ่งชี้ทางคลินิก (Clinical Indications by Product Line)
ผลิตภัณฑ์ Belotero แต่ละรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ความลึกของผิวที่แตกต่างกัน:
- 1. ฟิลเลอร์ BELOTERO SOFT (กล่องสีเหลือง):
- คุณสมบัติ: เนื้อเจลมีความละเอียดและโมเลกุลเล็กที่สุด
- ข้อบ่งชี้: เหมาะสำหรับการฉีดใน ผิวหนังชั้นนอก (Superficial Dermis) ใช้แก้ปัญหา ริ้วรอยตื้นๆ (Fine Lines) เช่น รอยตีนกา รอยที่หน้าผาก หรือสามารถใช้ในเทคนิค Skin Booster เพื่อเติมความชุ่มชื้นและปรับปรุงคุณภาพผิว (Skin Quality)
- 2. ฟิลเลอร์ BELOTERO BALANCE (กล่องสีส้ม):
- คุณสมบัติ: เนื้อเจลมีความละเอียดปานกลาง นุ่มนวล
- ข้อบ่งชี้: เหมาะสำหรับฉีด ริ้วรอยร่องลึกระดับปานกลาง เช่น ร่องแก้ม (Nasolabial Folds), ร่องน้ำหมาก (Marionette Lines), รอยเหี่ยวย่นรอบริมฝีปาก หรือใช้เติมเต็ม ริมฝีปาก และ หลุมสิว
- 3. ฟิลเลอร์ BELOTERO INTENSE (กล่องสีชมพู):
- คุณสมบัติ: เนื้อเจลมีความยืดหยุ่นสูง (High Elasticity) และคงรูปได้ดี
- ข้อบ่งชี้: เหมาะสำหรับแก้ปัญหา ร่องลึกขั้นวิกฤติ หรือบริเวณที่ต้องมีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ร่องแก้มลึก และใช้ในการ เติมเต็มแก้มตอบ หรือ สร้างริมฝีปากให้อวบอิ่ม
- 4. ฟิลเลอร์ BELOTERO VOLUME (กล่องสีม่วง):
- คุณสมบัติ: เนื้อเจลมีความหนาแน่นและความคงตัวสูง
- ข้อบ่งชี้: เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อ ปรับรูปหน้า และ ยกกระชับโครงสร้าง ที่ต้องการปริมาตร เช่น การแก้ไขปัญหา ใบหน้าหย่อนคล้อย การเติมเต็มบริเวณ แก้ม, ขมับ, คาง และ แก้มส้ม (Malar Area)
หลักการพิจารณาเลือกประเภทและรุ่นของฟิลเลอร์: บทบาทสำคัญของศัลยแพทย์
การตัดสินใจว่าใบหน้าควรใช้ ฟิลเลอร์ยี่ห้อใดและรุ่นใด นั้น ถือเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องอาศัยการประเมินทางคลินิกอย่างละเอียด ซึ่งเป็น หน้าที่และความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ทำหัตถการ โดยตรง ไม่ใช่การเลือกด้วยตนเองจากชื่อเสียงของแบรนด์เพียงอย่างเดียว
เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละรุ่นถูกออกแบบมาด้วยเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน (เช่น ความหนืด, ความยืดหยุ่น, ขนาดโมเลกุล) จึงมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับความลึกและบริเวณของผิวที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกผลิตภัณฑ์จึงเป็นเสมือน “งานฝีมือ” ที่แพทย์ต้องเลือก “วัตถุดิบ” ให้เหมาะสมกับ “งานออกแบบ” บนใบหน้าของผู้ป่วยแต่ละราย
ปัจจัยทางกายวิภาคที่แพทย์ใช้ในการประเมิน
แพทย์จะทำการประเมินจาก ปัจจัยเฉพาะบุคคล (Individualized Factors) เพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติและมีความยั่งยืนที่สุด โดยพิจารณาสิ่งต่อไปนี้:
- สภาพโครงสร้างกระดูกใบหน้า (Facial Skeletal Structure): จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มี ความแข็งและความคงรูปสูง (High G’ Prime) เพื่อทำหน้าที่คล้ายการเสริมกระดูกบริเวณคาง, แนวกราม, หรือโหนกแก้ม
- ความหนาและความบางของชั้นผิวหนัง (Skin Thickness): ผิวที่บางมากต้องการฟิลเลอร์ที่มี โมเลกุลละเอียดและนุ่มนวล เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดก้อน (Lumpiness) หรือมองเห็นเป็นเงา (Tyndall Effect) โดยเฉพาะบริเวณ ใต้ตา
- ปริมาณไขมันในชั้นผิว (Subcutaneous Fat Volume): การประเมินเพื่อเติมเต็มไขมันที่หายไปตามอายุอย่างเป็นธรรมชาติ หรือใช้ฟิลเลอร์ที่มีความ ฟูและยืดหยุ่น ในชั้นไขมัน
- ระดับความหย่อนคล้อยของผิวหนัง (Degree of Skin Laxity): ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยมากอาจต้องการฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติ ยกกระชับ (Lifting Capacity) ที่ดี เพื่อช่วยพยุงผิว
- ถุงใต้ตาและพังผืด (Tear Trough Deformity): เป็นบริเวณที่ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีความละเอียดสูงและไม่ดูดน้ำมาก เพื่อให้กลืนเข้ากับเนื้อเยื่อและไม่บวมเพิ่ม
- พลวัตการแสดงสีหน้า (Dynamic Facial Movement): แพทย์ต้องพิจารณาความแข็งแรงของ มัดกล้ามเนื้อ ที่จะส่งผลต่อการแสดงสีหน้า เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ไม่ทำให้ใบหน้าดู แข็งกระด้างหรือเป็นหน้ากาก
สรุป: ความสำคัญของความเชี่ยวชาญทางการแพทย์
ด้วยปัจจัยทางกายวิภาคที่ซับซ้อนและการมีผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่หลากหลายรุ่น การเลือกยี่ห้อและรุ่นที่ถูกต้องจึงต้องอาศัย ประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ เป็นหลัก แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้นจึงจะสามารถผสมผสานการใช้ฟิลเลอร์หลายรุ่นในจุดต่าง ๆ ของใบหน้าได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความชอบของผู้รับบริการ ในขณะที่ยังคงความปลอดภัยและความเป็นธรรมชาติไว้ได้
ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่เรามักเน้นย้ำว่า การทำฟิลเลอร์ไม่ใช่การฉีดกับใครก็ได้ แต่ควรเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่ไว้ใจได้ เพราะ ใบหน้าของเรามีเพียงใบหน้าเดียว
Criteria for Authentication of Restylane Dermal Fillers
เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน (ฟิลเลอร์ปลอม) ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง การตรวจสอบ ฟิลเลอร์ Restylane แท้ ก่อนและหลังการทำหัตถการเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ผู้รับบริการควรสังเกตและตรวจสอบจากองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้:
1. การตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ภายนอก (External Packaging Inspection)
- สติกเกอร์โฮโลแกรม (Hologram Sticker): ที่มุมขวาบนของกล่องจะต้องมี สติกเกอร์โฮโลแกรมสะท้อนแสง ที่ระบุเครื่องหมายของผลิตภัณฑ์ Restylane และบริษัทผู้นำเข้า Galderma ติดอยู่
- ข้อมูลระบุรุ่นการผลิต (Lot and Expiration Dates): บริเวณด้านข้างกล่องต้องระบุ หมายเลขอ้างอิง Lot (Lot Reference Number) และ วันหมดอายุ (Expiration Date) อย่างชัดเจน
- ผนึกกล่อง (Sealing Integrity): บริเวณ รอยปรุ สำหรับเปิดกล่องต้อง ปิดผนึกสนิท ทั้งสองด้าน โดยไม่มีร่องรอยของการเปิดหรือถูกแกะก่อนหน้า
2. การตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ภายในและผลิตภัณฑ์ (Internal Product Verification)
- ชุดอุปกรณ์ปลอดเชื้อ (Sterile Set): ภายในกล่องจะต้องบรรจุ หลอดฟิลเลอร์พร้อมใช้งาน (Pre-filled Syringe) ในรูปแบบของชุดอุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ (Sterile Set)
- การยืนยันผลิตภัณฑ์ใหม่: ตัวหลอดยาจะต้องสามารถเปิดใช้ได้ด้วยวิธีการ หักฝาจุกออกเท่านั้น ซึ่งเป็นการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ยังไม่เคยถูกใช้งาน
- การระบุหมายเลขตรงกัน (Matching Identification): บริเวณตัวหลอดยาจะต้องมี สติกเกอร์ ระบุ หมายเลขอ้างอิงรุ่นที่ผลิต และ วันหมดอายุ ซึ่งหมายเลขเหล่านี้จะต้อง ตรงกัน กับที่ระบุไว้บนด้านข้างกล่อง
- เอกสารกำกับยา: ภายในกล่องจะมี ฉลากกำกับยาและข้อมูลผลิตภัณฑ์ (Package Insert) เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับฟิลเลอร์รุ่นนั้นๆ
3. ข้อควรปฏิบัติและการติดตามผล (Post-Treatment Protocol)
- การเก็บกล่องเปล่า: แพทย์ควรแนะนำให้ผู้รับบริการ เก็บกล่องเปล่าของฟิลเลอร์ Restylane กลับบ้าน หลังจากเสร็จสิ้นการทำทรีตเมนต์ทุกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญในการตรวจสอบ หรือใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ในภายหลัง
- ช่องทางตรวจสอบ (Official Verification Channel): ผู้รับบริการสามารถใช้ข้อมูลหมายเลข Lot Number เพื่อติดต่อและตรวจสอบข้อมูลของผลิตภัณฑ์ Restylane ได้ที่ บริษัท Galderma (ประเทศไทย) จำกัด โดยตรง เบอร์โทรศัพท์ 02-023-1800 ต่อ 402
Criteria for Authentication of Juvederm Dermal Fillers
เพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การตรวจสอบ ฟิลเลอร์ Juvederm แท้ ซึ่งนำเข้าอย่างถูกต้องโดยบริษัท Allergan Thailand (DKSH) เป็นขั้นตอนที่สำคัญและควรปฏิบัติ โดยสามารถสังเกตและตรวจสอบได้จากจุดสำคัญทั้งภายนอกและภายในบรรจุภัณฑ์:
1. การตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ภายนอก (External Packaging Verification)
- ข้อมูลการผลิตและ Lot Number: บริเวณด้านซ้ายของกล่องจะต้องระบุ หมายเลขอ้างอิง Lot (Lot Reference Number), วันที่ผลิต (Manufacture Date), วันหมดอายุ (Expiration Date), และ เลขที่อ้างอิง (Reference Number) อย่างชัดเจน โดยหมายเลข Lot นี้สามารถใช้ในการ ตรวจสอบกับบริษัทผู้นำเข้า โดยตรงได้
- สติกเกอร์ยาควบคุมพิเศษ: บริเวณใต้กล่องจะต้องมี สติกเกอร์กำกับยาควบคุมพิเศษ ติดอยู่
2. การตรวจสอบบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ภายใน (Internal Product and Syringe Inspection)
- ชุดบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ (Sterile Packaging): ภายในกล่องจะต้องบรรจุผลิตภัณฑ์ใน แพ็คเกจ Sterile Set ซึ่งโดยทั่วไปจะมีจำนวน 2 ยูนิต (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
- การระบุหมายเลขบนถาดบรรจุ: ด้านหน้าของถาดบรรจุภัณฑ์ Sterile Set จะมี หมายเลข Lot, วันที่ผลิต, วันหมดอายุ, และเลขที่อ้างอิง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะต้อง ตรงกัน กับที่ระบุไว้บนด้านข้างกล่องภายนอก
- หลอดฟิลเลอร์ (Pre-filled Syringe): ตัวยาจะถูกบรรจุใน Syringe (หลอดฟิลเลอร์พร้อมใช้งาน) ซึ่งถูกปิดด้วย ฝาเกลียวพลาสติก อย่างแน่นหนา
- สติกเกอร์บน Syringe: บน Syringe จะมี สติกเกอร์ ระบุ หมายเลข Lot, วันที่ผลิต, วันหมดอายุ, และเลขที่อ้างอิง เอาไว้เช่นเดียวกัน
- การตรงกันของหมายเลข Lot: หมายเลข Lot ที่ตัว Syringe, สติกเกอร์ในแพ็คเกจ Sterile Set, และด้านข้างกล่อง จะต้องตรงกันทั้งหมด
- คู่มือสำหรับแพทย์: ภายในกล่องจะบรรจุ คู่มือกำกับการใช้ สำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
3. ช่องทางการตรวจสอบ (Official Verification Channel)
- ผู้รับบริการสามารถใช้ หมายเลข Lot บนกล่องเพื่อตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ Juvederm แท้ได้ที่ บริษัท Allergan (DKSH) ซึ่งเป็นผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ โดยติดต่อที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-640-4999 ต่อ 1
Criteria for Authentication of Belotero Dermal Fillers
เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ ฟิลเลอร์ Belotero ที่ใช้เป็นของแท้และได้รับการนำเข้าอย่างถูกต้องโดยบริษัท Merz Aesthetics (Thailand) ผู้รับบริการควรตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในบรรจุภัณฑ์ตามจุดสังเกตดังต่อไปนี้:
1. การตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ภายนอก (External Packaging Verification)
- รูปแบบกล่อง (Design): กล่องของ Belotero มีการออกแบบใน รูปแบบแนวตั้ง ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ
- การอ้างอิงผู้นำเข้า: บริเวณมุมด้านซ้ายของกล่องจะต้องมี หมายเลขอ้างอิงการนำเข้า โดยบริษัท Merz Aesthetics ประทับไว้อย่างชัดเจน
- ข้อมูลการผลิตและ Lot Number: บริเวณด้านใต้ของกล่องจะต้องมี สติกเกอร์ ระบุ หมายเลข Lot และ วันหมดอายุของยา ติดเอาไว้อย่างชัดเจน
2. การตรวจสอบบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ภายใน (Internal Product and Syringe Inspection)
- ชุดบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ (Sterile Packaging): ภายในกล่องจะต้องบรรจุผลิตภัณฑ์ใน แพ็คเกจ Sterile Set เช่นเดียวกับมาตรฐานของฟิลเลอร์คุณภาพสูง
- อุปกรณ์ในชุด: ด้านในของแพ็คเกจจะประกอบไปด้วย ตัวยา (Syringe), เข็ม, และสติกเกอร์เลขที่อ้างอิง
- แถบสีระบุรุ่น: ตัว Syringe (หลอดฟิลเลอร์) จะมี แถบสี ติดอยู่ ซึ่งแถบสีนี้จะ ตรงกับสีของกล่อง ที่เป็นสัญลักษณ์ของฟิลเลอร์แต่ละรุ่น
- การตรงกันของหมายเลข Lot: บนตัว Syringe จะต้องมี Lot Serial No. ซึ่งหมายเลขนี้จะต้อง ตรงกับสติกเกอร์ ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ภายใน และ ตรงกับสติกเกอร์หน้ากล่อง ด้วย
3. ช่องทางการตรวจสอบผลิตภัณฑ์แท้ (Official Verification Channels)
ผู้รับบริการสามารถใช้ หมายเลขอ้างอิง และ Lot Number ของผลิตภัณฑ์ Belotero เพื่อตรวจสอบข้อมูลกับบริษัทผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ (Merz Aesthetics Thailand) ได้โดยตรงผ่านช่องทางดังนี้:
- เว็บไซต์: สามารถตรวจสอบได้ที่ merzclubthailand
- Facebook: ติดต่อผ่านทางอินบ็อกซ์ (Inbox) ของเพจ Merz Aesthetics thailand
- เบอร์โทรศัพท์: ติดต่อที่ 02-229-9696 (บริษัท Merz Aesthetics (Thailand))
Post-Injection Care and Clinical Considerations for Dermal Fillers
ผลกระทบของแสงแดดต่อฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิก (Impact of Sun Exposure on HA Fillers)
คำถาม: หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วสามารถโดนแสงแดดได้หรือไม่?
คำตอบ: โดยทั่วไป สามารถโดนแสงแดดได้ตามปกติ และไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อตัว ฟิลเลอร์ (HA Filler) ที่ฉีดเข้าไป เนื่องจาก:
- ตำแหน่งการฉีด: ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มักถูกฉีดเข้าไปในชั้น ผิวหนังแท้ส่วนลึก (Deep Dermis), ชั้นไขมัน (Subcutaneous Tissue), หรือในชั้น เหนือเยื่อหุ้มกระดูก (Supra-Periosteal) ซึ่งอยู่คนละชั้นกับผิวหนังกำพร้า (Epidermis) ที่ได้รับผลกระทบจากแสงแดด
- ประเภทของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองทั่วโลกจัดอยู่ในกลุ่ม HA Filler ซึ่งเป็นสารที่เลียนแบบ กรดไฮยาลูรอนิก ที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ตามธรรมชาติ แสงแดดจึงไม่สามารถส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของโมเลกุลฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ลึกได้โดยตรง
ข้อควรระวังสำคัญ (Warning on Skin Health): แม้แสงแดดจะไม่ทำลายฟิลเลอร์ แต่ การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อผิวหนังภายนอกโดยตรง ซึ่งจะทำให้ผิว สูญเสียความชุ่มชื้น และเกิดภาวะ ผิวไหม้แดด (Sunburn) หรือ ผิวคล้ำเสีย ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากแสงแดดกระตุ้นการทำงานของ เม็ดสีเมลานิน (Melanocyte) ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้อง ทาครีมกันแดด ที่มีประสิทธิภาพเพื่อปกป้องสุขภาพผิวโดยรวม
หลักการในการเลือกยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ (Principle of Filler Selection)
คำถาม: ควรเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี?
คำตอบ: การเลือกยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดควรให้ แพทย์ผู้ทำหัตถการเป็นผู้ประเมิน เท่านั้น เนื่องจากหัตถการนี้เป็น งานฝีมือทางการแพทย์ ที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญสูง ในการเลือก “วัตถุดิบ (ฟิลเลอร์)” ให้เข้ากับ “โครงสร้างใบหน้า” ของผู้ป่วยแต่ละราย
แพทย์จะทำการประเมินจากปัจจัยทางกายวิภาคและปัจจัยเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความเป็นธรรมชาติสูงสุดและไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งเป็นหน้ากาก ดังนี้:
- สภาพโครงสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อ: ความหนา-บางของ ชั้นผิวหนัง, ปริมาณ ไขมันในชั้นผิว, ระดับ ความหย่อนคล้อยของผิวหนัง, และลักษณะ โครงสร้างกระดูกใบหน้า
- ลักษณะเฉพาะ: การมี ถุงใต้ตา, อายุ, เพศ
- พลวัตการแสดงสีหน้า: ความแข็งแรงของมัดกล้ามเนื้อ ที่จะส่งผลเวลาแสดงอารมณ์ ซึ่งต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูงในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย
- ความชอบของผู้ป่วย: รูปแบบและผลลัพธ์ที่ผู้ป่วยคาดหวัง
ข้อสรุป: การฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัย การตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณ และ ความชำนาญของแพทย์ เป็นปัจจัยหลัก เพราะใบหน้าเป็นส่วนสำคัญที่สุด การเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดให้กับใบหน้าจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญสูงสุด